Monday, January 22, 2007

Sunday, January 21, 2007

พิธีบวงสรวงมงคลวัตถุแห่งปีมหามงคล2550รุ่นจักรพรรดิมหาราช

ศูนย์อำนวยการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดสร้างวัตถุมงคลพระพุทธสิหิงค์ พระเทวราชโพธิสัตว์จอมราชันย์ จตุคามรามเทพ เพื่อระดมทุนจัดตั้งกองทุนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช
พระอธิการสวงค์ ฉันทโม ประธานศูนย์อำนวยการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน ได้มีการจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์ พระเทวราชโพธิสัตว์จอมราชันย์ จตุคามรามเทพ เพื่อระดมทุนจัดตั้ง"กองทุนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน จังหวัดนครศรีธรรมราช" จัดสร้างพระพุทธสิหิงค์(ขนาดหน้าตัก9นิ้ว)มอบให้99โรงเรียน ถวายเป็นพุทธบูชาและน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสพระชนมายุ80พรรษา และเพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ที่เดือดร้อนจาก3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพิธีบวงสรวงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในวันที่ 27 มกราคม 2550 โดยมีการจัดขบวนช้างศึก ม้าศึก ธงชัยสุริยันจันทรา อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จำลอง และแห่เสาหลักเมืองและองค์พ่อจตุคามรามเทพรอบเมืองนครศรีธรรมราช

Saturday, January 6, 2007

โรงเรียนบ้านบางนกหวักสู่การพัฒนา


โรงเรียนบ้านบางนกหวักสู่การพัฒนา


โรงเรียนบ้านบางนกหวักเป็นโรงเรียนที่อยู่ในท้องที่กันดาร มีชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าสงสาร ชาวบ้านในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพการเกษตร เช่น การปลูกผัก ปลูกดอกดาวเรือง และการปลูกปาล์ม ในพื้นที่นี้จะมีการทดลองปลูกปาล์มกันมาก โรงเรียนนี้ได้ตั้งอยู่ที่หมู่ 12 ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช สังกัดสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และสมัยก่อนชุมชนนี้เป็นที่อยู่หางไกลจากโรงเรียน ซึ่งผู้ปกครองบุตรใน3หมู่บ้านนี้ไม่สามารถส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนอื่นได้ จึงได้เสนอผ่านนายอำเภอเชียรใหญ่เพื่อขอจัดตั้งโรงเรียน เพราะเมื่อก่อนชุมชนนี้ตั้งอยู่ในอำเภอเชียรใหญ่ และอำเภอร่อนพิบูลย์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2539 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งบริเวณพื้นที่โรงเรียนบ้านบางนกหวัก มีจำนวนพื้นที่ทั้งหมด 1ไร่ แต่ทางโรงเรียนไม่มีงบประมาณมาสร้างหรือซ่อมแซม โดยมีอาคารเรียนที่เก่าทำมาจากไม้และได้มีเด็กนักเรียนทั้งหมด 40 คน ครูทั้งหมด 5 คนรวมทั้งครูใหญ่ด้วย ซึ่งก่อนที่จะรู้ว่าได้ไปออกค่ายอาสาพัฒนาโรงเรียนในชนบทนำทีมโดยอาจารย์วีรณิต อัมฤทธิ์ ก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจว่าเราจะได้ไปทำอะไรบ้าง แต่เมื่ออาจารย์ได้แจกกำหนดการให้ก็ได้รู้ว่าเราไปทำอะไรบ้างซึ่งการไปออกค่ายในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะไปช่วยพัฒนาโรงเรียนในชนบทที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนและช่วยซ่อมแซมโรงเรียนที่ดูเก่าให้ดูใหม่ยิ่งขึ้น ในวันที่ 2 – 4 สิงหาคม 2549 โดยนักศึกษานิเทศศาสตร์แขนงวารสารศาสตร์และแขนงการโฆษณา ปีที่ 3 ซึ่งก่อนที่จะถึงวันไปออกค่ายนั้น พวกเราก็ได้เตรียมงานกันหลายวันและเงินที่ได้มาในครั้งนี้มาจากการขายขนมจีน การเรี่ยไร การเก็บเงินจากนักศึกษาและจากสำนักงานร้านค้าต่างๆ


พิธีเปิดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช




พิธีเปิดที่โรงเรียเรียนบ้านบางนกหวัก


เมื่อถึงเช้าของวันที่ 2 สิงหาคม 2549 ดิฉันก็รู้สึกตื่นเต้นได้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะเตรียมตัวและเตรียมของให้เรียบร้อยก่อนออกไปสู่จุดนัดหมาย อาจเป็นครั้งแรกของชีวิตที่ได้ไปพัฒนาโรงเรียนและการไปพัฒนาในครั้งนี้ไม่ได้ไปพัฒนาเฉพาะที่ แต่พวกเราจะพัฒนาทุกอย่างในโรงเรียน อาทิเช่น ห้องพยาบาล ห้องสมุด ห้องเรียน ห้องอาจารย์ ห้องน้ำ อ่างล้างหน้า ป้ายโรงเรียน เสาธง ฯลฯ การไปในทำพิธีเปิดครั้งนี้พวกเราได้เตรียมกำลังกายและกำลังใจไปพร้อมเพื่อที่จะไปร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาให้กับน้อง ๆ นักเรียนและครูอาจารย์ได้มีความภาคภูมิใจในสิ่ง ที่เราทำให้ เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีการเปิดพิธีโดยมีอาจารย์ลดาวัลย์ แก้วสีนวล (รองคณบดีฝ่ายวิชาการ) ได้มาทำการเปิดพิธีแทนท่านคณบดีซึ่งได้ติดภารกิจ จากนั้นเมื่อเปิดพิธีเสร็จพวกเราทุกคนก็ได้นำสัมภาระหรือกระเป๋าไปขึ้นรถเมล์เพื่อออกเดินทางกันโดยมีรถเมล์ของมหาวิทยาลัยฯ มารับ – ส่ง ถึงจุดหมายปลายทาง และเมื่อไปถึงได้มีน้อง ๆ นักเรียน และชาวบ้านก็ได้ออกมาต้อนรับกันอย่างดีและพวกเราก็ได้นำสัมภาระไปไว้ที่ห้องพัก ซึ่งเราจะพักกันในห้องเรียนของน้อง ๆ นักเรียน เมื่อไปถึงก็รู้สึกว่าโรงเรียนรู้ร่มรื่นน่าเรียน จากนั้นอาจารย์ก็ได้เรียกรวมกันเพื่อที่จะเปิดพิธีอีกครั้ง แต่ครูใหญ่ได้มาบอกว่านายอำเภอติดธุระ อาจารย์ก็เลยแบ่งงานกันก่อนให้แต่ละคนได้มีหน้าที่ โดยเฉพาะทาสี จัดบอร์ด ตกแต่งห้องต่าง ๆ และซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นมา เช่น อ่างล้างหน้า ป้ายชื่อโรงเรียน เป็นต้น เป็นงานที่พวกเราไม่สามารถทำได้และอาจารย์ก็ได้พาช่างมาจากจังหวัดกระบี่มาช่วยกันทำโดยไม่ออกค่าจ้าง และงานที่ดิฉันได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ทำร่วมกับเพื่อนอีก 4 คน ก็คือทาสีฝากั้นห้องด้านหน้าของห้องอนุบาล , ห้อง ป.1 , ห้อง ป.2, ห้อง ป.3 ซึ่งอาจารย์ให้สีฟ้า 1 ถังมาทาบริเวณนั้น เมื่ออาจารย์มอบหมายงานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เรียกมารวมแถวอีกครั้งเพราะท่านประธานได้มาถึงแล้วโดยเป็นปลัดอำเภอมาแทนท่านนายอำเภอที่ติดภารกิจอยู่ จากนั้นก็ได้ไปทานข้าวที่ห้องครัวเพิ่มพลังกายและพลังใจ ซึ่งอาหารทุกมื้อได้มีชาวบ้านมาร่วมด้วยช่วยกันทำให้พวกเราทานกันอย่างอร่อยและเมื่อเสร็จจากนี้ก็ได้ไปทำหน้าที่กันต่อตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้งานเสร็จทันตามเวลาที่มีอยู่ ขณะที่พวกเราได้ทำงานกันก็ได้มีน้อง ๆ นักเรียนมาเสริฟน้ำให้พวกเราดื่มกันอย่างไม่ขาดสาย งานที่ได้รับนี้เป็นงานทาสี ที่ในชีวิตดิฉันไม่เคยทาสีที่ไหนมาก่อนและไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่ แต่เมื่อทดลองทำไป ก็รู้ว่าตัวเองทำได้บ้างและทาสีสวยเหมือนกับมืออาชีพ และช่วงเย็นอาจารย์เรียกให้ทานอาหารเย็น จากนั้นก็ได้ลงมือทำงานกันต่อจนถึงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตามกำหนดการ ก็ได้ไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเข้าพักผ่อน


ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย





พักรับประทานอาหาร




วันที่ 3 สิงหาคม 2549 ก็ได้ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนเดิม เพราะนอนไม่หลับ มีทั้งมดและยุงมากัดตามตัว และก็ได้ไปรับอาบน้ำเพื่อจะมาทำงานในวันที่ 2 ของการออกค่าย ซึ่งอาจารย์ได้เรียกรวมกันอีก เพื่อที่จะถามความคืบหน้าของงานว่าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งกลุ่มที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบนั้นก็ใกล้จะเสร็จแล้วแต่ยังเหลือด้านบนที่ยังทาไม่ถึง ต้องใช้บันไดขึ้นไปทาและอาจารย์ให้เหลือไว้ทาสีนี้เพียง 2 คน ส่วนที่เหลือนี้มีตัวข้าพเจ้าอยู่ด้วย ซึ่งอาจารย์ให้ไปช่วยทาสีที่ห้อง ป.3 ร่วมกับเด็กโปรแกรมโฆษณา และเมื่อประชุมกันครบถ้วนแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปลงมือปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเองต่อ แต่ก่อนที่จะไปนั้นก็ได้ไปทานอาหารเช้ากันก่อนเพื่อเก็บแรงไว้ในการลงมือทำงานกันอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ เมื่อมองดูไปรอบ ๆ โรงเรียนก็จะเจอแต่นักศึกษาและชาวบ้านช่วยกันปรับปรุงและแก้ไขโรงเรียนกันอย่างเต็มที่ ไม่มีใครยืนหรือนั่งอยู่เฉย ๆ และมองสีหน้าทุกคนแล้วดูเหมือนว่าทุกคนเหนื่อยแต่ทำด้วยแรงกายและแรงใจที่สู้เสมอไม่ว่าจะยากแค้นแสนลำบากขนาดไหน และเมื่อถึงตอนเที่ยงก็ไปทานอาหารเที่ยงกันอีกและแอบไปพักผ่อน 10 นาที จากนั้นก็กลับมาลงมือทำงานกันต่ออย่างบากบั่นไม่มีคำว่า “ท้อ” เกิดขึ้นในสมองของพวกเรา เมื่อทำงานไปได้ไม่นานตัวดิฉันรู้สึกว่าหน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลมเพราะแพ้กลิ่นสีที่ใช้ทาเป็นอย่างมากและได้หยุดพักผ่อนประมาณ 10 นาที จากนั้นไม่ย่อท้อก็เริ่มทาสีใหม่อีกครั้งและจะจับยาดมอยู่ตลอดเวลา เพื่อคลายความมึนและกลิ่นเหม็นของสี ช่วงเย็นก็ได้เรียกโดยการเป่านกหวีดบอกสัญญาณว่าให้พวกเราวางมือจากการทำงานให้ไปทานอาหารเย็นกันก่อน แต่วันนี้นั้นอาจารย์ได้ลงมือทำงานให้เสร็จประมาณ 5 โมงเย็น จากนั้นก็ให้แต่ละห้องไปประชุมและเตรียมตัวที่จะแสดงในค่ำคืนนี้ เพราะทางนายก อบต.สวนหลวงได้จัดเวทีและเครื่องเสียงให้เรียบร้อยเพื่อจัดงานประจำหมู่บ้าน ซึ่งให้ชาวบ้าน นักเรียน อาจารย์และนักศึกษามีความสามัคคีกันโดยให้แต่ละกลุ่มมีการแสดงบนเวทีด้วย และห้องของดิฉันนั้นได้แสดงเกี่ยวกับการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นการขับกล่อมบทเพลง และการจุดเทียนชัยถวายพระพรด้วยเมื่อเวลา 20.00 น. ก็ได้มีการเปิดพิธีบนเวที โดยมีนายก อบต. สวนหลวงเป็นประธานในพิธีและมีผู้มีเกียรติ์ร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการแสดงของเด็กชั้นอนุบาล เด็กชั้นประถมศึกษา ศิษย์เก่าของโรงเรียนบ้านบางนกวัก ชาวบ้านและนักศึกษา ฯลฯ ส่วนผู้ที่สนใจจะร่วมร้องเพลงก็สามารถสมัครได้หลังเวทีเพื่อขึ้นมาร้องเพลงซึ่งงานในครั้งนี้ได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านและใกล้เคียงมาร่วมชมและให้กำลังใจแก่ผู้แสดงกันอย่างหนาแน่นเก้าอี้ไม่เพียงพอ และช่วงปิดท้ายก็มีรำวงย้อนยุคของชาวบ้าน นักศึกษาต่างยกขึ้นมารำรงกันที่หน้าเวทีอย่างมีความสุข





การแสดงของเอกโฆษณา




รุ่งเช้าของวันที่ 4 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการออกค่ายอาสา ทุกคนต่างก็ดีใจที่ได้เห็นโรงเรียนใหม่ที่ทำด้วยฝีมือของพวกเราและอุปกรณ์ใหม่ๆ ประกอบกับจะได้กลับบ้านด้วยและจากนั้นก็ไปทานอาหารเช้ากันที่ห้องครัวของโรงเรียน อาจารย์ก็เรียกมาประชุมกันอีกว่างานของแต่ละกลุ่มได้ปฏิบัติไปถึงไหนแล้ว ส่วนงานที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายทำไปเกือบเสร็จแล้ว อาจารย์ให้มาทาทับอีกครั้งที่ฝากั้นห้องด้านหน้าและเป็นงานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมาย เพราะทาครั้งเดียวเมื่อแห้งดูแล้วไม่ค่อยเด่นสะดุดตา จึงเลยทาทับอีกครั้งและมองจากถนนด้านหน้าโรงเรียนก็ดูเด่น สวย พอประมาณช่วงเที่ยงก็ได้ไปทานอาหารเที่ยงกันอีกครั้งเป็นมื้อสุดท้ายของที่นี้ ซึ่งมื้อนี้ข้าพเจ้าไม่ทานเพราะยังอิ่มจากมื้อเช้าอยู่ แม่ครัวของที่นี้ทำอาหารอร่อยมากและช่วงที่เพื่อนๆไปทานอาหารกันข้าพเจ้าแอบไปนอนพักผ่อนในห้องพักซึ่งเหม็นไปด้วยสี เพราะไม่ไหวแล้วเนื่องจากอยู่กับสีมาตั้ง 3 วันและประกอบกับได้ไปเช็ดสีที่ตกลงมาเป็นจุดๆออกให้หมดด้วยน้ำมันสน จากนั้นอาจารย์ก็ได้เรียกประชุมเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเก็บตกเรื่องที่ยังตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการกวาดขยะ ทาสีที่ยังตกค้าง ฯลฯ ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวที่จะปิดพิธีและเดินทางกลับบ้าน ซึ่งพิธีปิดได้มีอาจารย์น้องๆนักเรียนโรงเรียนบ้านบางนกวักและนักศึกษานิเทศศาสตร์แขนงวารสารศาสตร์ แขนงการโฆษณามามีส่วนร่วมในพิธีปิดด้วย พิธีปิดนี้จะยืนกันเป็นวงกลมเพื่อสร้างความสามัคคีด้วยกันตลอดการออกค่าย 3 วัน มีอาจารย์โรงเรียนบ้านบางนกวักมาเป็นประธานกล่าวปิดกิจกรรมแทนครูใหญ่ เนื่องจากติดธุระจำเป็นที่ศาลากลางจังหวัดฯ จากนั้นตัวแทนนักศึกษาก็ได้มาสรุปแบบสอบถามที่ได้ไปสอบถามจากชาวบ้านในชุมชนนี้ ส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกดีที่พวกเราได้มาทำกิจกรรมในครั้งนี้ แต่บางคนจะแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้อยู่ต่อเพราะ 3 วันเขาว่ายังน้อย เมื่อเสร็จจากนั้นก็ร่วมกันร้องเพลงเพื่ออำลาจากกันและพร้อมกันประสานมือกับครู นักเรียน ขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่ข้าพเจ้าได้แอบร้องไห้เพราะซึ้งในความมีน้ำใจของคณะครู นักเรียน และชาวบ้านบ้านบางนกวัก ก็เพราะอยากอยู่ร่วมกันต่อเพราะทั้งสนุกและสบายใจ จากนั้นก็ได้หยิบสัมภาระของตัวเองไปขึ้นรถเพื่อที่จะกลับสู่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชกันอย่างปลอดภัยและภาคภูมิใจในชีวิตการออกค่ายอาสาพัฒนาโรงเรียน ในครั้งนี้รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจกับครู นักเรียน และชาวบ้านที่ได้มีโรงเรียนที่ใหม่ อุปกรณ์ใหม่ ดูแล้วโรงเรียนนี้อยู่กันอย่างมีความสุขเพราะอยู่กันเหมือนครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอดของโรงเรียนและชุมชน เด็กนักเรียนบางคนที่มาเรียนยังไม่มีรองเท้า กระเป๋าใส่มาเรียน เมื่อเราได้พัฒนากันเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งคณะครู นักเรียน ชาวบ้าน และพวกเราต่างดีใจกับผลงานที่ออกมาอย่างสวยงาม จากการสอบถามจากอาจารย์คนหนึ่งได้บอกและแสดงความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากกับการมาพัฒนาในครั้งนี้และไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีนักศึกษาจะมาพัฒนาโรงเรียนของเรา โรงเรียนนี้อยู่กันอย่างนี้มาเนิ่นนานแล้วไม่ค่อยมีงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือเพราะเขาเห็นว่าเป็นโรงเรียนเล็กๆอยู่ในท้องที่ทุรกันดาร และฝากขอบคุณอาจารย์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชที่ให้ความอนุเคราะห์กับโรงรียนบ้านบางนกวัก และถ้าไม่มีนักศึกษาพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้หรือไม่”





โรงเรียนบ้านบางนกหวักหลังใหม่





นางสาวจุฬาลักษณ์ แก้วพะวงศ์ รหัส 4711301115

ผู้สื่อข่าว